ส่งต่อรักแบบแม่ EP.03 คุณแม่บุ๋ม (ปนัดดา วงศ์ผู้ดี)

18 กันยายน 2020 68 ครั้ง

ส่งต่อรักแบบแม่ EP.03 คุณแม่บุ๋ม (ปนัดดา วงศ์ผู้ดี)

“มันมีเหตุผลหลายอย่างที่มองอนาคตอันดาแล้วคิดว่า ต่างคนต่างเดินดีกว่า บุ๋มไม่เคยห้ามลูกว่าห้ามเจอพ่อ เจอเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าหนูสบายใจ หนูอยากจะไปบ้านนั้นเมื่อไหร่ก็ได้ ให้เขารู้ว่า เขายังมีความรักของพ่อและแม่อยู่เสมอ” ติดตามพลังความรักที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ "แม่เลี้ยงเดี่ยว" คนหนึ่งลุกขึ้นสู้และกล้าจะเผชิญกับปัญหาที่ยากลำบาก ได้ใน ส่งต่อรักแบบแม่ EP.01 แม่บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี

 

Host: เวลาที่บุ๋มเจอปัญหาหนัก ๆ ลูกเป็นพลังอะไรให้บุ๋มได้บ้าง

 

คุณแม่บุ๋ม: เขาคือพลังงานบริสุทธิ์ที่เป็นแหล่งพลังงานขุมใหญ่ของบุ๋มมาก ๆ เลย คุณจะเห็นว่าบุ๋มเจอข่าวหนักหลายครั้งเป็นระลอก ๆ ในชีวิตของบุ๋ม แต่บุ๋มเดินเข้าบ้านปุ๊บไปด้วยอาการนึงนะ แล้วบุ๋มเรียกเขา เดินไปหาเขา “ขอกอดหน่อย” อันดาเขาจะรู้แล้วก็จะเดินหน้ามึน ๆ ของนางมา แล้วก็ยืนนิ่ง ๆ เพราะรู้ว่าบุ๋มจะกอดเขา 

 

มีบางครั้งพอกอดปุ๊บมันเหมือนอะไรที่มันหนัก ๆ ที่เกาะหลังเรามามันถูกปลดปล่อย น้ำตาจะพรั่งพรูอะไรก็ตาม เขาก็จะยืนนิ่ง ๆ ของเขาให้เรากอด เราร้องไห้จนจบอะไรก็แล้ว ก็โอเคล้างหน้าเล่นกันต่อ หรือแม่กระทั่งตอนช่วงที่บุ๋มเลิกกับแฟน (คุณเอก) ก็ตาม เขาก็ไม่ถามสักคำว่าเกิดอะไรขึ้น แค่พูดกับเขาว่าอันดา...ถ้าแม่แยกทางกับคุณเอก หนูจะว่ายังไงบ้างลูก เพราะเราแคร์ลูกเรามาก เขาบอกว่า “ไม่เป็นไร เอาที่แม่ตัดสินใจ”

 

 

Host: แล้วตอนที่บุ๋มต้องเลิกกับพ่อเขา เขายังเด็กอยู่เลยนะ ตอนนั้นบุ๋มรู้สึกยังไงบ้างที่จากวันนั้นเราต้องดูแลอันดามันคนเดียวแล้ว เพราะอย่างที่บอกมา บุ๋มเป็นคนที่แพลนทุกอย่างในชีวิตไว้ แต่ก็คงไม่ได้แพลนหรอกว่าวันหนึ่งจะเลิกกับพ่อเขาถูกไหม

 

คุณแม่บุ๋ม: ใช่ค่ะ  

 

 

Host: เพราะตอนนั้นเราก็ตั้งใจว่าเราอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์ คงไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกที่ไม่อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ ณ วันนั้น บุ๋มรู้สึกอย่างไร แล้วลูกให้อะไรกับบุ๋มบ้าง

 

คุณแม่บุ๋ม: ตอนนั้นอันดาแค่ 1 ขวบค่ะ มันมีเหตุผลหลายอย่างที่มองอนาคตอันดาแล้วคิดว่าต่างคนต่างเดินดีกว่า บอกตามตรงว่ามันก็มีหลายคำถามเกิดขึ้นนะคะว่าบุ๋มควรจะเลิกไหม บุ๋มเชื่อว่ามันไม่มีผู้หญิงคนไหนมั่นใจตัวเองจนขนาดว่าฉันต้องเลิก ฉันไม่สน มันไม่ใช่ภาพนั้น 

 

หลาย ๆ คนเขียนข่าวเลยนะว่า บุ๋มเลิกเพราะทิฐิสูง โดยไม่รู้ความจริงเลยว่าสิ่งที่เลิกคืออะไร มันเป็นปัญหาครอบครัวบางอย่างมากกว่า ยังไงนั่นก็พ่อของลูก ซึ่งบุ๋มไม่ไปแตะอะไรเขาเลย แต่ขอแค่ต่างคนต่างเดินใช้ชีวิตของเราก็พอแล้ว บุ๋มไม่เคยห้ามลูกว่าห้ามเจอพ่อ เจอเมื่อไรก็ได้ถ้าหนูสบายใจ หนูจะไปบ้านนั้นเมื่อไรก็ได้ ให้เขายังมีความรักของพ่อและแม่อยู่เสมอ หนูมี 2 บ้านเลยนะ หนูอยากจะไปเจอเขา หนูก็ไป อยากจะอยู่กับแม่ หนูก็มา ไม่มีจำกัดเลย

 

 

Host: อยากจะย้อนกลับไปถามว่า ในวัยที่เขายังเด็ก บุ๋มมีความทรงจำอะไรที่ประทับใจระหว่างบุ๋มกับลูกบ้างไหม

 

คุณแม่บุ๋ม: เขาติดแม่มาก ติดแบบเหลือเชื่อ ติดแม้กระทั่งตั้งแต่เป็นเบบี๋แบบตายังไม่ลืมนะ ใครแยกจากอกบุ๋มไม่ได้เลย เขาคงได้ยินเสียงหัวใจเราเพราะอยู่ในท้องถึง 9 เดือน ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ลูกเมื่ออยู่บนอกแม่แล้วเขาจะสงบ เพราะเขาชินกับเสียงหัวใจตึก ๆ จังหวะของแต่ละคนเต้นไม่เหมือนกัน เขาชินกับเสียงหัวใจของบุ๋ม พอดึงออกไปร้องแง ๆ เข้าอกปุ๊บเงียบ หรือมีบางช่วงที่เขางอแงเป็นพิเศษหน่อย เราก็ไม่รู้จะทำยังไงก็นับ 1 2 3… เหมือนตอนที่ท้อง แล้วเขาก็เงียบมาก มันได้ผลจริง ๆ (หัวเราะ)

 

พอเขาโตมา เขาเป็นเด็กที่ไม่ฟุ้งเฟ้อค่ะ บุ๋มโชคดีมากเลย ทุกครั้งที่เขาเรียนหนังสือได้แต่ละเทอม เราจะให้ของขวัญเขา 1 ชิ้น อะไรก็ได้ บุ๋มตั้งไว้อย่างนี้ ถ้าเรียนดีนะอะไรก็ได้ เชื่อไหมคะตั้งแต่เด็กยันโต เด็กคนนี้ขอแค่ตุ๊กตาตัวเดียว มีเทอมที่แล้วเรียนได้ 3.66 ขอกล้องโพลารอยด์ และพอ 3.92 เทอมนี้เขาบอกอยากได้ ipad ใหม่ เพราะใช้ของเก่ามานานมากแล้ว แต่ยังไม่ต้องซื้อให้หนูนะ ตอนนี้หนูกำลังขึ้นม.3 แม่ซื้อให้ตอนหนูขึ้นม.4 นะ เราก็ถามว่าทำไม เขาบอกว่า ตอนนี้ยังใช้งานไม่เยอะมากเท่ากับม.4 เราก็บอกทำไมไม่เอาตอนนี้ละลูก เดี๋ยวม.4 ซื้อให้ใหม่ เขาบอกไม่เอา อันนี้ยังพอใช้ได้ เก็บเป็นรุ่นต่อไปเดี๋ยวมันคงออกรุ่นใหม่มา

 

 

Host: เขาคิดเป็นเนอะ อะไรที่ทำให้เขาเป็นเด็กแบบนี้ได้

 

คุณแม่บุ๋ม: งก (หัวเราะ) ไม่หรอก ล้อเล่น เขาเป็นเด็กที่เห็นแม่ลำบาก ไปญี่ปุ่นกันนะคะเอาอะไรก็ได้ 1 ชิ้นลูก ไปร้านเลโก้เลย ถ้าเกิดเขาจะลากกล่องใหญ่ออกมา บุ๋มก็จ่ายนะ ขอแค่เทอมละหนเพราะของขวัญบุ๋มไม่ได้ซื้อให้บ่อยเลย กลับกลายเป็นว่าเขาเดินทั่วร้านอยู่ประมาณ 5 นาที แล้วเขาเดินออกมา ไม่หยิบอะไรมาเลยสักกล่อง เขาบอกว่าไม่อยากได้

 

 

Host: แล้วมีอะไรที่เขาอยากได้แล้วเดินมาขอเองบ้างไหม

 

คุณแม่บุ๋ม: มีค่ะ ขอกระดาษ กระดาษโอริกามิที่พับแบบของญี่ปุ่น แม่ก็ปวดหัวตึ้บ ดีนะที่เดี๋ยวนี้มีชอปปิงออนไลน์ช่วยชีวิตได้เยอะเลย ขอแค่นี้เองไม่ได้อะไรมากมายเลย

 

เวลาผู้หญิงคนหนึ่งท้องมันเหนื่อยมากนะ มันจะมีการเต้นของหัวใจผิดปกติ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงหรืออะไรก็ตาม แต่บุ๋มต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตี 4 เพื่อไปถ่ายรายการเช้า ขับรถไปเอง มันเหนื่อยมาก เหนื่อยแทบขาดใจ ไหนจะต้องลงพื้นที่ไปถ่ายรายการทีวีทั้ง ๆ ที่ท้องใหญ่มากแล้ว 7 เดือนแล้ว ตอนนั้นเกือบจะขึ้นเครื่องบินไม่ได้แล้ว เลยกลายเป็นว่าทุกครั้งที่เราทำงาน คงเหมือนผู้ชายสักคนแหละ ที่คิดว่าเมื่อเราแต่งงานแล้ว เราขยันขึ้น เราต้องรับผิดชอบอะไรที่อยู่ข้างหลัง ที่ทำให้เราต้องเข้มแข็งขึ้น 

 

แม่ก็เหมือนกันที่จะต้องรับผิดชอบชีวิต ฉันจะต้องเข้มแข็ง จะต้องขยัน เพื่อให้ลูกในท้องได้มีชีวิต ได้มีกินต่อไป ดังนั้น มันก็เลยกลายเป็นเวลาที่เจอปัญหาอะไรมามากมายก็ตาม แต่พอเห็นตาดำ ๆ มันเป็นอะไรที่บอกว่า “ฉันท้อไม่ได้” ตาดำ ๆ ที่มองฉันปริบ ๆ ตรงนี้ มันจะเดินยังไง มันจะเป็นยังไง จะใช้ชีวิตอย่างไร ถ้าฉันถอยฉันล้ม  ฉันยังต้องแกร่ง ยังต้องอยู่ ยังต้องรับผิดชอบ ยังต้องทำงาน มันเป็นระบบความคิดที่เกิดขึ้น 

 

จนบางทีแม่หลาย ๆ คนอาจจะต้องทำงานหนัก สู้งานหนัก แล้วเครียด หันมาตีลูก ซึ่งบุ๋มเคยเห็นหลายครอบครัวทำแบบนั้นนะ สงสารทั้งแม่ทั้งลูก มันก็เลยกลายเป็นว่า หลาย ๆ คนบอกว่า พอโตขึ้นจะเลี้ยงแม่ให้ดีที่สุด บุ๋มเองก็เช่นเดียวกัน ตอนเด็ก ๆ มาจากครอบครัวที่ยากจน อยู่ในห้องแฟลตเล็ก ๆ มีกัน 8 ชีวิตในนั้น เพราะน้องแม่เยอะ บุ๋มก็เลยมีแรงบันดาลใจว่า ฉันต้องมีบ้านหลังใหญ่เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวทุกคนให้ได้ 

 

วันนี้บุ๋มมีบ้าน 15 ห้องนอน มันเป็นความบ้าอยากพิสูจน์ให้เห็น แต่ผลปรากฏว่า โตกันหมดแล้ว เหลือกัน 4 คนในบ้าน มีบุ๋ม พี่สาว อันดา และแม่ เดินกันเหงาเชียว (หัวเราะ)

 

คุณแม่ทุกคนนะคะ ไม่ว่าเกิดปัญหาอะไรในชีวิตก็ตาม ให้มองตาลูกเข้าไว้ แล้วคุณจะมีพลังที่พูดไม่ถูก บอกไม่ได้ มันจะเป็นแรงพลังผลักดันแม่ให้เดินต่อไปอย่างยิ่งใหญ่ เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่มากค่ะ กอดลูกไว้แน่น

 

 

Host:  ในอีกมุมหนึ่ง เราเคยมีความกลัวหรือเป็นห่วงบ้างไหม อย่างที่บุ๋มเคยบอกว่าจะตายวันไหนก็ไม่รู้ ยิ่งเราทำงานแบบนี้ไม่รู้จะไปเหยียบเท้าใครขาใคร หรือจะมีเหตุอะไร บุ๋มเคยกลัวไหมว่าแล้วอันดาจะเป็นอย่างไร จะอยู่ต่อไปอย่างไร

 

คุณแม่บุ๋ม: กลัวแน่นอน เพราะเขาคือความรักที่ยิ่งใหญ่ของบุ๋มนะ แต่เพราะความกลัวนี่แหละเลยทำให้บุ๋มต้องกล้าที่จะออกมาปกป้องเขา บุ๋มบอกตามตรงว่า การช่วยเหลือผู้หญิงหนึ่งคนออกจากซ่องหรืออะไรก็ตาม เราก็จะมีศัตรูเพิ่มอีกหนึ่งคน การช่วยผู้หญิงที่ถูกข่มขืนหนึ่งคน เราก็จะมีผู้ร้ายที่เกลียดเราอีกหนึ่งคน 

 

การที่บุ๋มลงไปช่วยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สร้างโรงเรียนขึ้นมา บุ๋มถูกผู้ก่อการร้ายวางคาร์บอม บุ๋มโดนจดหมายขู่ว่าจะลักพาตัวลูก ช่วงนั้นบุ๋มถึงต้องอยู่กับเขาแยกกันคนละที่ ใจจะขาดเพราะเราไม่ได้อยู่ใกล้ลูก โชคดีที่เขาเข้าใจ โชคดีที่เขารู้ว่าแม่ทำเพื่ออะไร 

 

บุ๋มจะหยุดการช่วยเหลือสังคมแล้วมาเพื่ออยู่กับเขา มันก็ทำไม่ได้ บุ๋มเป็นพวกที่ทนไม่ได้เมื่อเห็นคนถูกรังแก ดังนั้นก็คุยกับลูกบ่อยมากว่า หนูต้องทำใจนะ ต้องเข้าใจแม่นะ เพราะนั่นก็คือความสุขของแม่อีกอย่างเหมือนกันที่ได้ช่วยคนอื่น 

 

ดังนั้นเขาก็เลยเข้มแข็งในแบบของเขาที่พอจะทำได้ มันเป็นเพราะว่าเรารักเขาค่ะ เราถึงต้องเป็นแม่ที่ดีเป็นแบบอย่าง เป็นแม่ที่ยิ่งใหญ่ให้กับเขา คำเดียวเลยที่บุ๋มอยากเป็นที่ทำให้บุ๋มทำทุกสิ่งทุกอย่างได้มากมายขนาดนี้ คือ “เป็นแม่ที่เขาภูมิใจ”

 

 

Host:  น่ารักมากเลย แล้วอันดาทำให้บุ๋มภูมิใจมาก ๆ บ้างไหม

 

คุณแม่บุ๋ม: เยอะมากเลย เวลาไปโรงเรียนหรือไปไหนก็ตามแล้วคนอื่นพูดว่า อันดาเป็นเด็กน่ารักมาก อ่อนน้อมมาก ตั้งใจเรียนมาก อะไรอย่างนี้ นั่นแหละเราภูมิใจแล้ว ขอแค่นี้แหละ ให้เขามีความสุข จริง ๆ นะ ความภูมิใจของบุ๋มคือการเห็นลูกมีความสุขและเป็นที่รักของคนอื่น ๆ แค่นั้นเอง

 

 

Host:  บุ๋มเคยมีความปรารถนาอะไรลึก ๆ ที่คิดไว้ว่าอยากให้ลูกได้รับบ้างไหม

 

คุณแม่บุ๋ม: อยากให้เขาได้รับความเมตตาจากคนรอบข้างค่ะ

 

 

Host:  เหมือนบุ๋มนะก็ได้รับความเมตตาจากทุกคน ประชาชนทั้งประเทศ

 

คุณแม่บุ๋ม: เพราะบุ๋มคิดว่าความเมตตาเป็นแขนงของความรักอีกแบบหนึ่งที่ต่อให้ไม่รู้จักกัน ต่อให้ไม่ใช่ญาติกัน แต่ถ้าเราเมตตาและเขาได้รับความเมตตา บุ๋มคิดว่าอยู่ที่ไหนก็มีความสุข เดินไปตรงไหนก็ได้ บุ๋มอยากให้เขาได้รับความเมตตาจากคนทุกคนรอบข้าง ไปไหนเขาก็จะปลอดภัย นี่แหละสิ่งที่บุ๋มอยากให้เขาได้รับจากคนทั่วไป

 

 

Host:  ถ้าสมมุติว่าบุ๋มขอพรได้สัก 1 ข้อ ขออะไรก็ได้ให้ลูก บุ๋มอยากให้อะไร

 

คุณแม่บุ๋ม: ถ้าขอได้นะ ขอให้พระพุทธเจ้านำทางให้เขาได้เจอแต่สิ่งที่ดี เจอคนที่ดี เจอแนวทางที่ดี เพื่อให้เขาได้ทำความดีต่อไป ขอแค่นี้เอง

 

 

Host:  สาธุ สาธุ สาธุ

 

 

คุณแม่บุ๋ม: ณ ตอนนี้ บุ๋มพยายามหาอะไรหลาย ๆ อย่างให้เขาลองทำ ไปทำเทสแบบทดสอบมา เขาก็ทำได้หลาย ๆ อย่าง คือบุ๋มจะบอกเขาว่า ดาราอย่างแม่ แก่ ๆ ทำไม่ได้นะ เขาเองก็เคยเขียนว่ามีอาชีพไหนบ้างที่ทำได้ถึงแก่ (หัวเราะ) 

 

จนกระทั่งมาถึงโปรเจกต์ COVID นี่แหละค่ะ ที่ทำให้เขาเห็น เพราะบุ๋มพาเขาไปแจกของ ไปลงพื้นที่ด้วย ก็เลยบอกเขาว่า “เห็นไหม...หมอเกษียณแล้วก็ยังต้องลงมาช่วย ความเป็นหมอไม่เคยหายไปจากชีวิต จะถูกเรียกว่าคุณหมอตลอดชีวิต และเป็นผู้ให้ตลอด เป็นอาชีพที่มีบุญนะลูก” เขาก็เลยอยากเป็นหมอ 

 

ตอนนี้เขาก็เลยเริ่มจากให้น้ำเกลือหมาก่อน (หัวเราะ) เพราะหมาเป็นไตวาย ก็เลยฝึกเขาให้ให้น้ำเกลือใต้ผิวหนังอะไรอย่างนี้ก่อน ก็ฝึกให้เขาเริ่มชิน แต่เขาบอกว่าไม่อยากฉีดยาหมาเลย หมามันเจ็บ อ้าวแล้วไม่กลัวฉีดคนหรือ (หัวเราะ)

 

 

Host: เขารักสัตว์นะเห็นถามถึงหมาบ่อย

 

คุณแม่บุ๋ม: ใช่ อย่างกอด ๆ กับแม่อยู่เห็นหมาเดินมา เขาก็ไปหาหมาก่อน นางรักสัตว์ค่ะ

 

วันนี้บุ๋มโชคดีที่ประชาชนรู้จัก บุ๋มโชคดีที่มีลูกที่น่ารัก บุ๋มโชคดีที่มีโอกาสได้เรียนรู้และได้ลงไปช่วยเหลือปัญหาสังคมเยอะแยะมากมาย ดังนั้น เป้าหมายของการเป็นแม่ของบุ๋มต่อไปก็คือ เป็นแม่ที่มีพลังบวกและส่งพลังนั้นไปให้แม่คนอื่น ๆ ต่อไป 

 

โชคดีมากที่วันก่อนบุ๋มเจอท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ท่านบอกว่า อยากให้บุ๋มไปช่วยให้กำลังใจแม่เลี้ยงเดี่ยวทั่วประเทศ

 

 

Host: เป็นโปรเจกต์ที่ดีมาก เอาความรู้สึกจริง ๆ ถ้าวันที่ไม่มีเขา

 

คุณแม่บุ๋ม: แค่นึกก็รู้เลยว่า บุ๋มต้องอยู่ยากแน่นอน ชีวิตมันคงต้องแตกเป็นเสี่ยง ๆ แต่ถามว่าอยู่ไม่ได้เลย มันก็คงไม่ใช่ มันก็ยังคงต้องมีชีวิตอยู่ เพราะฉันยังมีแม่อยู่ที่ต้องเลี้ยงดู มันก็ยังต้องอยู่แต่อยู่ด้วยสภาพยังไง มันก็คงอีกเรื่องหนึ่ง 

 

แต่บุ๋มคงอยู่ด้วยสภาพแบบใจสลายแบบเป็นเสี่ยง ๆ อยู่ข้างใน มันเหมือนครึ่งหนึ่งของชีวิตที่มันหายไป มันคงโหวง ๆ ถ้าวินาทีแรกที่รู้คือขอตายก่อนดีกว่า ถ้าขอได้นะ ขอตายก่อนเขา บุ๋มคงอยู่ยากมากถ้าไม่มีเขา

 

 

Host: อยากให้อันดาได้รับรู้ว่าเขาสำคัญกับแม่ขนาดไหน

 

คุณแม่บุ๋ม: เขาเป็นแหล่งพลังงานชีวิตของบุ๋มเลยนะ ที่บุ๋มทำสิ่งยิ่งใหญ่ได้มากขนาดนี้ ทำเพื่อผู้หญิง ทำเพื่อประเทศได้มากขนาดนี้ มาจากร่างกายน้อย ๆ ของเขาเลย ถ้าถามว่า บุ๋มรักเขามากขนาดไหน มันพูดไม่ได้เลย ความรักตรงนี้มันยิ่งใหญ่กว่าความรักอีกนะ เขาคือแรงผลักดัน คือแรงบันดาลใจ คือเป้าหมายในข้างหน้า 

 

เขาคือคนที่ทำให้บุ๋มรู้สึกว่า คำติฉินนินทาอะไรต่าง ๆ มันกระจอกไปเลยเมื่อเราอยากเป็นแม่ที่เขาภูมิใจ มันเลยกลายเป็นว่าทุกวันนี้ “ขอแค่มีเขา ปนัดดาจะทำได้ทุกอย่างบนโลกเลย ฉันจะทำได้ทุกอย่างบนโลกแค่มีเขาอยู่ตรงนี้” 

 

อะไรก็ได้บนโลกมันกระจอกไปเลยกับการที่แค่ได้กลับมากอดเขา และบอกว่าวันนี้แม่ทำอะไรเพื่อเขาบ้าง แม่ทำอะไรเพื่อให้วันหนึ่ง วันที่ไม่มีแม่อยู่ ให้เขาจำแม่ในรูปแบบไหนบ้าง ขอแค่นั้นเอง

 

 

Host: ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ แล้วก็อยากให้แม่ทุกคนได้ฟังสิ่งนี้ ได้รับสัมผัสนี้ ได้รับพลังรักที่บุ๋มมีต่อลูกแบบนี้ และขอให้เขารักลูกเขาแบบนี้ได้เหมือนกัน

 

 

 

 

 

ผู้ดำเนินรายการ:  คุณแม่บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี / สุรางคณา สุนทรพนาเวศ

บรรณาธิการ:  นันทิญา จิตตโสภาวดี

กองบรรณาธิการ: นมิดา แพ่งสภา, ปัณณธร ใสแสง, รุจา สุขพัฒน์, นีรชา คัมภิรานนท์, สุสมา สุขพัฒน์

ศิลปกรรม:  ฐานิสร์  ริ้วสุวรรณ, เอกชัย เธียรสรรชัย
นักออกแบบเสียง:  ธัญธนวรัท  ชนกชัด

ฝ่ายผลิต: ชลธิศ กรดี

ที่ปรึกษา:  วันชัย  บุญประชา, ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

สนับสนุนโดย  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 

 

 

OTHER