On the Way Home EP.24 เครื่องมือหากินของยายกับนักเดินทางร้างทิศ

07 สิงหาคม 2020 90 ครั้ง

On the Way Home EP.24 เครื่องมือหากินของยายกับนักเดินทางร้างทิศ

แม้ครอบครัวไม่สมบูรณ์ ต้นทุนชีวิตแทบจะติดลบ แต่ชีวิตของเด็กสาววัย 10 ขวบคนหนึ่งที่ไม่ได้เติบโตมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ และยังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เรียกว่าสลัม กลับสามารถประสบความสำเร็จ เติบโตและมีชีวิตที่มีความมั่นคงทั้งทางกายและทางใจได้ เกิดอะไรขึ้นในช่วงเช้ามืดของเดือนมกราคมที่อากาศหนาวเย็น มาติดตามเรื่องราวของเธอคนนี้ได้ใน On the Way Home EP.24 เครื่องมือหากินของยายกับนักเดินทางร้างทิศ

เรื่องราวเริ่มขึ้นในเช้ามืดของเดือนมกราคมที่อากาศหนาวเย็น เป็นวันที่เด็กผู้หญิงวัย 10 ขวบ เพิ่งจะพ้นวันเกิดมาได้เพียง 5 วัน กลับต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืมเลยตลอดชีวิต และเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล

 

เช้ามืดวันนั้น เด็กน้อยรู้สึกอากาศหนาวเหลือเกิน จึงเรียกแม่ให้ช่วยปิดพัดลมที่อยู่ในมุ้งให้ เพราะตัวเองไม่กล้าลุก เนื่องจากกลัวผีจึงไม่อยากลืมตา แต่เรียกเท่าไหร่แม่ก็เงียบ เหมือนแกล้งไม่ได้ยิน เด็กน้อยรู้สึกหงุดหงิดและโกรธ จึงเรียกเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ยายที่อยู่ในครัวด้านล่างจึงส่งเสียงตะโกนเรียกให้ลุงมาดูหลาน

 

เด็กน้อยตะโกนฟ้องยายว่า เรียกแม่แต่แม่ไม่ตื่น ควานหาก็ไม่เจอ (ปกติแม่จะนอนติดกัน) ยายก็ตะโกนบอกว่าให้เปิดไฟ แต่เธอก็ไม่เปิดเพราะกลัวผีจึงไม่ยอมลุกขึ้น ตอนนั้นยังเช้ามืดอยู่แต่พอมีแสงตะวันส่องมาแล้ว เด็กน้อยหยีตามองไปในความมืด เห็นแม่อยู่นอกมุ้งแต่แม่ไม่ตอบ ไม่พูด ไม่ว่าเธอจะตะโกนเสียงดังยังไง แม่ก็นิ่ง เธอจึงตะโกนฟ้องยายว่า แม่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ไม่ยอมเข้ามาหาในมุ้ง ไม่ยอมปิดพัดลมให้ เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตอบ

 

คราวนี้ยายมาเคาะเรียกที่ห้องให้แม่เปิดประตู แม่ก็ไม่เปิดยังคงยืนนิ่ง เด็กน้อยก็ไม่กล้าลุกไปเปิด ยายเลยให้ลูกชายอีกคนหนึ่ง คือลุงของเด็กคนนี้ เกาะขอบไม้ตะกายขึ้นไปดู ทันทีที่ลุงมองเข้ามา ภาพที่เห็นคือ แม่ยืนลอยตัวอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า มีเชือกสีเขียวผูกกับขื่อห้องเอาไว้แน่น ลุงตะโกนบอก “แม่ เพ็ญผูกคอตาย”

 

ในเหตุการณ์วันนั้นเองจึงทำให้ชีวิตเด็กน้อยเปลี่ยนไป ยายกลายเป็นแม่คนที่สอง ชีวิตของยายก็เปลี่ยน เสียลูกสาวไปหนึ่งคนไม่มีเวลาเศร้า เพราะต้องหาวิธีเลี้ยงหลานสาวและต้องส่งเสียให้เรียน ยายเป็นเพียงแค่แม่บ้านไม่มีรายได้ แต่ยายก็แบ่งรับแบ่งสู้ บริหารจัดการทุกอย่างได้อย่างลงตัว

 

ยายมีลูกทั้งหมด 5 คน ลูกชาย 3 ลูกสาว 2 ลูกทุกคนผิวคล้ำ หน้าตาคมเข้ม มีแม่ของเด็กน้อยเพียงคนเดียวที่ผิวขาวเหมือนกับคนจีน ยายมีสามีเป็นลูกคนจีนผิวขาว ฉะนั้น แม่เลยเป็นลูกรักของยาย ทันทีที่ยายเปลี่ยนบทบาทกลายมาเป็นแม่ของเด็กน้อย ยายบอกทันทีว่า “ยายไม่มีเงินซื้อของเล่นให้เราหรอกนะ มีแต่เงินที่จะส่งเสียให้เรียนกับค่าขนมไปโรงเรียน ถ้าอยากได้อะไร เราต้องเก็บเงินซื้อเอาเอง”

 

ทุก ๆ เช้ายายจะทำหน้าที่ปลุกหลานให้ลุกอาบน้ำ แต่งตัวไปโรงเรียน ยายจะเตรียมรีดเสื้อกระโปรงอย่างเรียบกริบ ทำอาหารเช้า แล้วก็ยกออกมาให้หลานกิน นั่งเคี่ยวเข็ญให้กินจนอิ่มก่อนออกจากบ้าน ยายอยากให้หลานเรียนโรงเรียนดี ๆ เรียนสูง ๆ เท่าที่จะส่งให้เรียนได้ ทุก ๆ วัน จะยัดเงินค่าขนมให้วันละ 20 บาท

 

บริเวณบ้านที่ยายอยู่เป็นชุมชนแออัดที่ติดกับวัด พื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างเสื่อมโทรม ไม่ปลอดภัย บางวันก็มีตำรวจเข้ามาจับยาเสพติด มีเด็กติดยาวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน เป็นชุมชนแออัดที่มีเรื่องความรุนแรง ทะเลาะเบาะแว้ง ลงไม้ลงมือ ยายสั่งห้ามหลานออกจากบ้าน เพราะรอบ ๆ บ้านไม่ปลอดภัย นอกจากไปโรงเรียน หลานกลับมาก็อยู่ในบ้าน ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ ยายเลี้ยงดูมาแบบไข่ในหินมาก

 

หลานเก็บเงินค่าขนมที่ได้วันละ 20 ไปซื้อแบดมินตันได้คู่หนึ่ง ฝึกเดาะลูกขนไก่บริเวณหน้าบ้านอันคับแคบ ต่อมาพี่บ้านข้าง ๆ ชวนไปตีแบดหน้าโบสถ์ พอยายรู้ก็ให้ป้าสะใภ้ออกมาตามแล้วก็บ่นดุจนหูชา ยายไม่ชอบใจที่หลานสาวมาเล่นกับเด็กผู้ชายหน้าโบสถ์ ทั้ง ๆ ที่บ้านห่างจากโบสถ์เพียงนิดเดียว

 

หลานเลยวางแผนนำไม้แบดมาเล่นกับเพื่อนในวันเสาร์ที่โรงเรียนก่อนเรียนดนตรีไทย แล้วก็บอกยายว่า “หนูจะไปสมัครเรียนดนตรีไทย อยากจะเป็นนักดนตรีโรงเรียน” ปรากฎว่ายายมีความสุขมาก ยายชอบดนตรีไทย อยากให้หลานเรียนดนตรีไทย พอหลานบอกจะไปสมัครเรียน ยายยิ้มหน้าบาน แล้วก็ยอมให้ออกนอกอาณาเขตได้ในวันเสาร์ พร้อมบอกว่า ถ้าได้เป็นนักดนตรีจะไปดูแสดง

 

ตอนที่สมัครเรียนครูถามว่า “อยากเป็นนักดนตรีไทยหรือเปล่า” เธอตอบว่า “ค่ะ อยากเป็น” ครูก็ถามต่อว่า “แล้วอยากเล่นเครื่องดนตรีชนิดไหน” เธอเลือกเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง เลือกเพราะเพื่อนเล่นกัน แต่ไม่ได้เลือกจากความรักความชอบเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม เมื่อเลือกเรียนแล้ว เธอก็ตั้งใจเรียนและตั้งใจฝึกซ้อม แล้วก็มีความรู้สึกว่า สักวันหนึ่งถ้าเล่นเก่ง เธออาจได้เป็นนักดนตรีของโรงเรียน ได้แสดงในงานต่าง ๆ  แล้วจะกลายเป็นความสามารถพิเศษ สามารถนำไปใช้สอบเข้าโรงเรียนมัธยมชื่อดังได้

 

ยายเป็นคนปากจัด ด่าเก่ง ดุ แต่ไม่เคยดุหลานสาวเลย ตั้งแต่แม่ตายเธอบอกว่า ของเล่นสักชิ้นไม่เคยได้ แต่พอไปสมัครเรียนดนตรีไทย ต้องซื้อเครื่องดนตรีไว้ซ้อมซึ่งราคาหลายพัน เธอไม่แน่ใจว่ายายจะซื้อให้ไหม จึงรวบรวมความกล้าเข้าไปหายาย บอกว่าอยากได้เครื่องดนตรี ยายก็ไม่มีคำตอบ

 

แต่เช้าวันเสาร์ก่อนออกจากบ้านไปเรียนดนตรีไทย ยายบอกว่า สั่งให้ครูซื้อมาได้เลย เธอดีใจมาก ขยันฝึกซ้อมจนได้เป็นนักดนตรีของโรงเรียน งานแรกที่ได้บรรเลงดนตรีไทยคืองานเลี้ยงอำลารุ่นพี่ป.6 ที่โรงแรมใกล้ ๆ กับโรงเรียน ครูอนุญาตให้ผู้ปกครองไปร่วมงานได้ แต่ต้องจ่ายค่าอาหารบุฟเฟต์ ยายพาเพื่อนข้างบ้านไป ยายมีความสุข คุยโม้แถวบ้านไปได้หลายอาทิตย์เลยทีเดียวว่าหลานเป็นนักดนตรีไทย ส่วนเด็กสาวก็ลืมการเล่นสนุกกับเพื่อน ๆ ไปเลย เฝ้าฝึกซ้อม หวังจะใช้เป็นความสามารถพิเศษในการสอบเข้าโรงเรียนสตรีชื่อดังในเขตให้ได้

 

หลังจากนั้นเธอสามารถสอบติดโรงเรียนสตรีชื่อดังแถวบ้านซึ่งก็คือ โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย ยายเรียนแค่ชั้นป.2 หลังจากนั้นมีสงครามโลก ยายต้องออกจากโรงเรียน ทำมาหากิน แต่งงาน มีลูก ฝันอยากให้ลูกได้เข้าโรงเรียนนี้ แต่ลูกก็ไปติดที่โรงเรียนอื่น ยายก็แอบหวังว่าหลานสาวจะสอบเข้าได้ ปรากฎเธอสอบได้ โดยใช้โควต้าความสามารถพิเศษและได้เป็นนักดนตรีโรงเรียนในเวลาต่อมา

 

การเป็นนักดนตรีไทยของเธอเหมือนเป็นเครื่องมือบางอย่างที่นำทางให้เธอได้ก้าวสู่ทิศทางที่ชัดเจน หลังจากจบจากโรงเรียนนี้เธอสอบเข้าที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบการศึกษาด้วยบัณฑิตเกียรตินิยม

 

หลังจากนั้นเครื่องดนตรีที่ยายอดออมเงินและซื้อให้เธอ ถูกส่งต่อไปที่ชุมพรเพื่อให้เพื่อนของเธอใช้เป็นประโยชน์ให้เด็กนักเรียนใช้ฝึกซ้อมเพราะเครื่องดนตรีที่มีอยู่ไม่พอ

 

สำหรับในเรื่องนี้ เครื่องมือที่ยายเก็บเงินซื้อให้ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดกับการที่เด็กคนนี้ได้มีดนตรีไทยเป็นเหมือนหลักยึดเหนี่ยวในชีวิต และนำพาเธอไปสู่ทิศทางที่ดี มีกิจกรรมดี ๆ ในชีวิต และเครื่องดนตรีชนิดนั้นก็คือ “ซอด้วง”

 

บทสรุปของเรื่องนี้ เด็กสาวเจ้าของเรื่องได้เขียนบอกว่า 

 

“ฉันไม่รู้ว่า ยายภาคภูมิใจในตัวฉันมากแค่ไหน มีความสุขเพียงใด เพราะว่า ยายไม่เคยชื่นชมออกมาจากปากให้ได้ยินเลยสักครั้ง แต่ฉันก็เหมาเอาเองว่า ยายคงจะภาคภูมิใจไม่น้อยจากการเดินไปเล่าให้ชาวบ้านชาวช่องฟังทั่วทั้งชุมชนเหมือนที่ลุงมักจะแซวให้ฟังว่า ยายเอ็งน่ะ เดินโม้สามบ้านแปดบ้าน ยิ้มปากจะฉีกไปถึงหู วิถีชีวิตเด็กสลัมส่วนใหญ่ที่คนภายนอกมองว่าจะได้รับการศึกษาต่ำ รายล้อมด้วยปัญหาสังคม หยาบคายและมั่วสุม ยายเลี้ยงหลานให้ลบทุกข้อกล่าวหา เปิดมุมมองใหม่ให้กับคนอื่นด้วยการขัดเกลาก้อนกรวดเม็ดดินไร้ค่าอย่างฉัน ด้วยเครื่องมือและภูมิปัญญา พร้อมกับหยาดเหงื่อและความรักทั้งหมดที่ยายมี คงมีวันนี้ไม่ได้หากไม่มียาย แม่ที่ประเสริฐที่สุดในชีวิตฉัน ขอบคุณยายเหลือเกินสำหรับทุกโอกาสบนโลกใบใหญ่ใบนี้”

 

 

ที่มา - เรื่องสั้น เครื่องมือหากินของยายกับนักเดินทางร้างทิศ ของคุณณัฐฤทัย พลอยหิรัญ จากหนังสือ ขอบฟ้ากลางใจ เป็นหนังสือที่ทำมาเฉพาะกิจในโครงการหอมกลิ่นลำดวน ซึ่งเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการการเขียนประวัติชีวิตบุพการี ของกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม

 

 

 

 

ผู้ดำเนินรายการ:  รัศมี มณีนิล

บรรณาธิการ:  นันทิญา จิตตโสภาวดี

กองบรรณาธิการ: นมิดา แพ่งสภา, ปัณณธร ใสแสง, รุจา สุขพัฒน์, นีรชา คัมภิรานนท์, สุสมา สุขพัฒน์

ศิลปกรรม:  ฐานิสร์  ริ้วสุวรรณ, เอกชัย เธียรสรรชัย
นักออกแบบเสียง:  ธัญธนวรัท  ชนกชัด

ฝ่ายผลิต: ชลธิศ กรดี

ที่ปรึกษา:  วันชัย  บุญประชา, ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

สนับสนุนโดย  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 

 

OTHER